วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

                                                           ----  ปูเสฉวน  ---



ปูเสฉวน เป็นสัตว์ต่างสายพันธ์กับปูทั่วไป คือ ไม่มีโครงร่างเป็นเปลือกแข็งแรงที่ใช้ป้องกันอวัยวะ แต่จะอาศัยอยู่ในเปลือกหอย ชนิดหอยฝาเดียวที่มีตัวขดเป็นรูปเกลียวสว่าน.. 
ทั้งนี้เพราะปูเสฉวนมีส่วนท้องและก้นที่โตใหญ่แต่อ่อนนุ่มและบอบบาง.. 
มันจึงต้องม้วนก้น เป็นเกลียวสอดเก็บไว้ในเปลือกหอย เพื่อเป็นเครื่องกำบังหลบภัย.. 
ทำให้ระยางค์ที่อยู่บริเวณท้องไม่ได้ทำงาน เสื่อมประโยชน์ไป.. 
เว้นแต่คู่เดียว ที่งอเป็นขอได้อาศัยเป็นเครื่องยึดเกาะเกี่ยวกับด้านในของเปลือกหอย.. 
ส่วนหัวและอกของตัวปูนั้นโผล่หรือหดตัวเข้าออกได้สะดวก และใช้ก้ามใหญ่ปิดทางเข้าไว้มิดชิด..

ปูเสฉวนเป็นสัตว์ประเทศร้อน หากินได้ทั้งในน้ำและบนบก อาหารส่วนใหญ่เป็นพวกสาหร่ายและกินพวกกุ้ง ปู ปลาตัวเล็ก ๆ.. 
เมื่ออาศัยอยู่ในเปลือกหอยจนตัวเติบโตใหญ่ขึ้น ก็จะเลือกหาแหล่งที่อยู่ใหม่ที่ใหญ่ขึ้น แล้วเปลี่ยนย้ายไปอยู่ในแหล่งใหม่.. 
ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในเปลือกหอย เจดีย์ หอยสังข์ หอยอูด หอยนมสาว หอยหนาม หอยมวนพลู หอยเงาะ.. 
แต่ในปัจจุบัน ปริมาณเปลือกหอยลดลงไปจากสภาพธรรมชาติดั้งเดิมอย่างน่าใจหาย.. 
เนื่องจากการเก็บเปลือกหอยของมนุษย์เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในรูปแบบต่าง ๆ..
เช่น เป็นของประดับ เพื่อการประดิษฐ์รูปแบบ ต่าง ๆ รวมถึงเพื่อเป็นของฝาก ของที่ระลึก.. 
โดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ว่าเปลือกหอยดังกล่าวนั้น เป็นเสมือนบ้านที่อยู่อาศัยของปูเสฉวน ซึ่งเป็น ปัจจัยสำคัญต่อการดำรงชีวิตเป็นอย่างมาก..

เมื่อเกิดเหตุการณ์สภาพความขาดแคลนบ้าน (เปลือกหอยฝาเดียว).. 
ที่มีโครงสร้างแข็งแรง สวยงาม เหมาะสมทั้งรูปทรงและขนาด อีกทั้ง มีความกลมกลืนกับสภาพธรรมชาติ.. 
ทำให้ปูเสฉวนต้องหันไปพึ่งพิงเศษวัสดุต่างๆ ที่พอจะอาศัยเป็นบ้านชั่วคราวเพื่อความอยู่รอด..
ได้แก่ เศษกระป๋อง ขวดแก้ว ขวดพลาสติก กล่องใส่ฟิลม์ ฯลฯ ซึ่งในปัจจุบันมีให้พบเห็นบ้างแล้ว.. 
อันเป็นภาพที่น่าเวทนาของปูเสฉวนที่เคยเป็นสัตว์ สวยงาม และมีความสง่างามในตัวเอง.. 
อีกทั้งปูเสฉวนยังต้องทนทุกข์ทรมานกับอันตรายที่เกิดจากเศษวัสดุต่าง ๆ ดังกล่าว ได้แก่ สนิมจาก กระป๋อง ความคมของเศษขวดแก้ว สารเคมีที่เป็นส่วนผสมของพลาสติก เป็นต้น.. 
รวมถึงผลกระทบด้านการเจริญเติบโตและการบกพร่องพิการ ในด้านร่างกายที่จำเป็นต้องปรับตัวเข้ากับรูปทรงวัสดุต่าง ๆ อีกด้วย..




ที่มา : http://www.savekohsurin.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น